ส่วนใหญ่แล้วอุตสาหกรรมเฉพาะอย่างมักจะอยู่ในกลุ่มของอุตสาหกรรมไฮเทค ซึ่งต้องใช้การคิดค้นวิจัยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีผู้ผลิต (ในโลกหรือในประเทศ) เพียงไม่กี่ราย ที่จะสามารถผลิตสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ได้
บางคนคิดว่าอุตสาหกรรมเฉพาะอย่างจะผลิตสินค้าหรือบริการออกมาเพียงน้อยชิ้น เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมมวลชนซึ่งผลิตสินค้าออกมาทีล่ะมาก ๆ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น เพราะอุตสาหกรรมเฉพาะอย่างก็สามารถผลิตสินค้าออกมาทีล่ะมาก ๆ ได้เช่นกัน เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ อุตสาหกรรมมวลชนต้องผลิตครั้งล่ะมาก ๆ เพื่อทำให้ต้นทุนลดลงและมีส่วนต่างกำไรสะสมมากขึ้น ในขณะที่อุตสาหกรรมเฉพาะอย่างสามารถลดต้นทุนและสร้างส่วนต่างกำไรได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องผลิตออกมาครั้งล่ะมาก ๆ แต่ประการใด
โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าสังคมเกษตรกรรม สังคมอุตสาหกรรมมวลชน และ สังคมอุตสาหกรรมเฉพาะอย่าง มีการเกื้อกูลต่อยอดกัน และหลายครั้งผมพบว่าธุรกิจต่าง ๆ มักจะสะสมทุนและกระโจนไปมาระหว่างสังคมทั้งสาม
ผมเห็นบริษัทซีพีกระโจนจากธุรกิจเกษตรของสังคมเกษตรกรรม เข้าสู่ธุรกิจอาหารแปรรูปของสังคมอุตสาหกรรมมวลชน และจากนั้นก็กระโจนเข้าสู่ธุรกิจโทรคมนาคมซึ่งเป็นธุรกิจของสังคมอุตสาหกรรมเฉพาะอย่าง
ผมเห็นบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของโลก และบริษัทฮาร์ดแวร์ชั้นนำของโลก ซึ่งทำธุรกิจในสังคมอุตสาหกรรมเฉพาะอย่างเหมือนกัน เข้าไปจ๊ะเอ๋กันในตลาดสมาร์ทโฟน (ซึ่งเป็นสินค้าเฉพาะอย่าง) อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน
แต่ผมยังไม่เคยเห็นบริษัทซึ่งทำธุรกิจของอุตสาหกรรมเฉพาะอย่าง กระโจนกลับไปยังธุรกิจของสังคมเกษตรกรรมเลยนะ!!!
อือมคิดว่า นอกจากธุรกิจพันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแล้ว ผมว่า ไม่น่าจะมีธุรกิจอะไรที่กระโจนกลับไปสังคมเกษตรกรรมได้เลยแฮะ
หวัดดีครับพี่ไท้ ไม่ได้อ่าน blog พี่นานเลย
(ผมลืมเปลี่ยน feed url มาเว็บใหม่นี่อะ ก็ว่า พี่ไท้หายไปไหน 5555+)
^-^ อย่างน้อยก็มีคุณ AMp เป็นแฟนพันธุ์แท้บล็อกนี้เลยนะเนี่ย
วัสดุสังเคราะห์….น่าจะนำไปพัฒนาโรงเรือนสำหรับการปศุสัตว์ ได้อยู่ล่ะมั้งพี่
ผมละเซ็งเลย พลาด content ดีๆมาตั้งนาน
ปรกติจะเข้ามาอ่านผ่าน feed ก็นึกสงสัยอยู่ทำไม feed มันไม่อับเดทมานานผิดปรกติ ต้องไล่อ่านยาวเลย T__T