การเคลื่อนย้ายมวลสาร ก็คือการที่มวลสารถูกส่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องสนใจในระยะเวลาและระยะทาง คือ เคลื่อนย้ายปุ๊ปก็ถึงปั๊ปอะไรประมาณนั้น (ตามรูปข้างล่าง)
แรกเริ่มเดิมที การวิจัยการเคลื่อนย้ายมวลสาร ถูกกำหนดให้อยู่ในขอบเขตของอนุภาคและอะตอม โดยมีเจ้าภาพหลักเป็นนักวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์อนุภาค และในขณะเดียวกัน ทางด้านนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์เอง ก็มีการวิจัยเกี่ยวกับควอนตัมคอมพิวเตอร์ด้วยเช่นเดียวกัน
ควอนตัมคอมพิวเตอร์มันมาเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายมวลสาร ก็เพราะว่าพื้นฐานของควอนตัมคอมพิวเตอร์ คือ คิวบิต หรือก็คือ บิต ทางคอมพิวเตอร์ ที่สามารถมีสภาวะพร้อมกัน 2 สภาวะได้ นั่นคือ 0 และ 1 ซึ่งช่วยทำให้การประมวลผลเร็วขึ้นอย่างมากมายมหาศาล แต่นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ก็มีความทะเยอทะยาน คิดว่าการที่คิวบิตมีได้ 2 สภาวะยังเร็วไม่พอ สิ่งที่ควรจะเร็วขึ้นอีกก็คือการที่คิวบิตแต่ล่ะตัว สามารถส่งผ่านสภาวะของแต่ล่ะคิวบิตหรือหลายคิวบิตแบบเคลื่อนย้ายมวลสารได้เลย โดยไม่ต้องขึ้นกับระยะทางหรือระยะเวลา
ลองนึกถึงภาพของดิจิทัลคอมพิวเตอร์เปรียบเทียบดูก็จะเข้าใจ เพราะดิจิทัลคอมพิวเตอร์ใช้ประจุไฟฟ้าเพื่อสร้างเป็นสัญญาณ 0 กับ 1 ในขณะที่ประจุไฟฟ้าเองก็เกิดจากการที่อิเลกตรอนกระโดดจากวงโคจรของอะตอมหนึ่งไปยังอีกอะตอมหนึ่งเป็นทอด ๆ แต่ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่มีคิวบิตแบบเคลื่อนย้ายมวลสาร สามารถที่จะเกิดสภาวะแบบคิวบิตได้พร้อมกันในฉับพลันทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีอิเลกตรอนมากระโดดข้ามอะตอมให้เสียเวลาแต่ประการใด
โดยหลักการแล้วการเคลื่อนย้ายมวลสาร ควรจะเป็นการเคลื่อนย้ายจริง ๆ แต่ทว่า โดยการปฏิบัติทุกวันนี้ที่พิสูจน์ทราบได้ในงานวิจัย การเคลื่อนย้ายมวลสาร คือการสำเนาสภาวะทั้งปวงของต้นแบบให้ไปปรากฎในที่ใหม่อย่างฉับพลันทันที และต้องทำลายตัวต้นแบบทิ้งไปทันทีหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว!!!
มันจะไม่เหมือนการส่งโทรสารหรือการถ่ายเอกสาร เพราะตัวต้นแบบก็ยังคงดูแตกต่างจากตัวสำเนา แต่มันจะเหมือนกับการก๊อปไฟล์หรือแชร์ไฟล์ ที่เราแทบแยกไม่ออกเลยว่าตัวต้นแบบกับตัวสำเนามันแตกต่างกันยังไง!!!
ปัญหาทางจริยธรรมจึงเกิดขึ้น เพราะถ้าหากมีการคิดค้นวิธีการเคลื่อนย้ายมวลสารของสิ่งมีชีวิตได้ เราก็คงจะต้องมาใส่ใจกันมากขึ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวต้นแบบ ตัวต้นแบบจะต้องถูกทำลายทิ้งไป หลังจากที่มีการเคลื่อนย้ายมวลสารไปยังปลายทางสำเร็จใช่มั้ย? แล้วถ้าเกิดการทำลายตัวต้นแบบไม่สามารถทำได้ มันจะเกิดอะไรกับตัวปลายทาง ตัวปลายทางจะถือว่าตัวเองคือตัวต้นแบบหรือไม่??
สำหรับปัญหาทางจริยธรรมเราก็คงเก็บเอาไว้ก่อน มาดูความเป็นไปได้ทางเทคนิคก่อนว่า ถ้าด้วยการพิสูจน์ทราบในปัจจุบัน ที่ต้องสร้างของใหม่และทำลายของเก่า แล้วเราจะเคลื่อนย้ายมวลสารของร่างกายมนุษย์ เราจะทำยังไงดังภาพข่างล่างนี้
แนวคิดสั้น ๆ ที่อธิบายภาพข้างบนก็คือ เอาร่างกายไปก่อน แล้วเอาความรู้สึกนึกคิดตามไปทีหลัง จากนั้นจึงค่อยทำลายตัวต้นแบบทิ้งไปซะ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ สำหรับผู้สังเกตแล้ว จะมองเหมือนกับว่าทุกอย่างเป็นปรกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะความรู้สึกนึกคิดและร่างกายของผู้ถูกเคลื่อนย้ายมวลสารยังคงเหมือนเดิม ในขณะที่กายและจิตของผู้ถูกเคลื่อนย้ายมวลสาร ก็จะต่อเนื่องความทรงจำต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากแต่ร่างและจิตต้นแบบถูกทำให้ดับสูญไป และไม่สามารถต่อเนื่องความรู้สึกได้ต่อไป ก็เท่านั้นเอง!!!
โดย โมเลกุล เท่านั้น