ยุคสมัยนี้เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า ไม่ว่าประเทศของคุณจะปกครองด้วยระบบประชาธิปไตย, ศักดินา หรือแม้แต่คอมมิวนิสต์ก็ตาม ยังไง ๆ ซะ “การเมือง” ก็ต้องนำ “การทหาร” เสมอ เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
เพราะทักษะของการใช้อำนาจมันแตกต่างกัน “กำลัง” ไม่สามารถจะเป็นเพียงแกนอำนาจเดียวได้ ยังต้องมีแกนอำนาจอีก 7 แหล่ง อันประกอบด้วย กลไกรัฐ, ธุรกิจผูกขาด, ความรู้, สื่อ, ภาพลักษณ์, เงินตรา และเครือข่าย เป็นตัวค้ำชูอยู่
การเมืองและความมั่นคงเป็นงานของ “นักการเมือง” ในขณะที่การดำเนินยุทธศาสตร์และยุทธวิธีทางการทหารเป็นงานของ “ทหาร”
ผมไม่ชอบการเมืองครับ แต่กำลังจะเปรียบเทียบย้อนกลับมาในวงการไอทีให้ดูกันว่า …
เราจะยอมรับกันมั้ย ถ้าเราเรียนจบปริญญาตรี / ปริญญาโทวิศวกรรมศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์มา, จบมาจากสถาบันอันโด่งดังคับฟ้าเมืองไทยมา, จบมาด้วยเกรดเฉลี่ยสูงปริ๊ด ๆ ได้เกียรตินิยมเหรียญทองมาเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูล, กว่าจะสอบติดได้แข่งกับคนตั้งมากมายก่ายกอง …
แต่เรียนจบออกมาแล้วต้องมาเป็นลูกน้องของคนที่จบ MBA !!! ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว คนที่จบทางวิศวกรรมศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์มา น่าจะรู้ทางเทคโนโลยียิ่งกว่าคนที่จบ MBA ซะอีก!!!
…ใครไม่ยอมรับไม่รู้ แต่ผมยอมรับครับ ยอมรับมานานแล้วด้วยว่าไม่มีทักษะและวิสัยทัศน์ เฉกเช่นที่มนุษย์บริหารธุรกิจเขามีกัน … ทำไมถึงได้ยอมรับง่ายอย่างนี้?
ก็เพราะบทบาทมันแตกต่างกันไงครับ ในโลกแห่งธุรกิจนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสนใจในการบริหารธุรกิจเป็นสำคัญ คนที่ในสมองวัน ๆ คิดแต่เรื่องเทคโนโลยีอันแสนล้ำสมัย ลงแนวลึกในทางเทคนิค ย่อมไม่สามารถที่จะเจียดสมองไปคิดในแบบที่มนุษย์บริหารธุรกิจคิดได้ … พื้นฐานในการคิดมันต่างกัน
ดังนั้นในโลกแห่งธุรกิจแล้ว มนุษย์ไอทีจึงต้องยอมรับว่าเรานั้นเป็น “ทหาร” ที่ต้องไปรบ ในขณะที่มนุษย์บริหารธุรกิจนั้นเป็น “นักการเมือง” ที่คอยกำหนดนโยบายความมั่นคงนั่นเองครับ
ป.ล. ผมมีเพื่อนหลายคนที่จบวิศวกรรมศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์มา แล้วแหกฟิลด์ไปเรียนต่อ MBA เยอะแยะ พอ ๆ กับที่มีเพื่อนที่จบบริหารธุรกิจมา แล้วแหกฟิลด์ไปเรียนต่อ IT เหมือนกัน … ตกลงเลยไม่รู้ว่าแล้วแต่ความชอบ หรือแล้วแต่ความจำเป็นกันแน่ ???
[tags]MBA, จอมทัพ, ไอที, คอมพิวเตอร์, วิศวกรรมศาสตร์, วิทยาศาสตร์[/tags]
ความชอบมันต่างกันครับ อย่าผมชอบ develop ให้ไปบริหาร ก็พอทำได้แต่ไม่ค่อยชอบ ฝืนทำในสิ่งที่ไม่ชอบไม่ไหว สู้ทำสิ่งที่ชอบให้ดีไปเลยดีกว่า หรือต้องปรับใจให้ชอบ MBA ?
เลือกยากเหมือนกันนะครับ
เอเป็นทหารแต่ก็อยากลองปกครองดูบ้างนะเนี้ย
(พูดถึงโปรแกรมเมอร์กับ MBA นะครับ ;p)
แต่ตอนนี้จะต่อโทยังคิดไม่ออกเลยครับว่าจะต่อสายไหนดี
จบไรมาก็ไม่เกี่ยวครับ
ของให้เก่งและดี ชื่อสัตย์ มีคุณธรรม ก็เป็นเจ้านายผมได้ครับ
จบไรมาก็ไม่เกี่ยวครับ
ขอให้เก่งและดี ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม ก็เป็นลูกน้องผมได้ครับ
😛
จริงครับ ลองให้พวกวิศวะไปเรียนรัฐศาสตร์ แล้วจะรู้ทันทีว่า มีสมองอีกซีกที่ยังไม่เคยใช้งาน มุมมองจะเปลี่ยนไปและมองรอบด้านขึ้น อันนี้พูดจากประสบการณ์ตรง แนะนำให้เรียนเลยครับ แต่เรียนทางรัฐศาสตร์จะเห็นภาพชัดกว่าเรียน MBA เยอะ(หมายถึงเห็นความแตกต่างมากกว่า)
งั้นถ้าบ.ไหนทำโปรแกรมโดยให้ dev เป็นคนกำหนดทิศทางก็แสดงว่าปกครองโดยทหารอยู่สิครับ อิอิ
ปล.
dev ไปเรียน MBA ก็เหมือนานทหารโดนมาเล่นการเมืองอ่ะเนาะ
ส่วนผมชอบเป็นนักลงทุนครับคุณข่า เสียดายการจะเป็นนักลงทุนได้ต้องผ่านการเคี่ยวกรำมาหนักหนากว่าการเป็นนักบริหารเยอะ T-T
อ๋า คุณเอจะต่อโทแล้วเหรอ ใบที่เท่าไหร่อ่ะ ที่ถามก็เพราะว่าผู้ร่วมงานผมต่อโทเป็นใบที่สามแล้ว ฮา 😛
แหม ๆ คุณ Copywriter กับคุณ crucifier นี่เล่นมุขสอดครับกันจริง ๆ นะ อิ อิ
รัฐศาสตร์มันกว้างกว่า MBA จริง ๆ ครับป๋า BigNose แต่ส่วนใหญ่แล้วผมเห็นผู้ร่วมงานที่จบไอที จะไปเรียนกึ่ง ๆ อ่ะครับ ประมาณ “รัฐประสาศนศาสตร์มหาบัณฑิต” อะไรประมาณนี้อ่ะครับ
ถูก ๆ ๆ ๆ ๆๆ ต้องแล้วคร้าบบบบบคุณ discover man
เหมือนเดิมอ่ะครับ ทำสิ่งชอบ ชอบเงินไปหาเงิน ชอบเขียนโปรแกรมไปเขียนโปรแกรม ชอบdesignโปรแกรมไปdesignโปรแกม ชอบคิดเลขก็ไปคิดเลข อย่าทำชาวบ้านเดือดร้อนก็พอ
แล้วถ้าเกิดจบโทมาด้านไอทีแล้วอ่ะคับ
จะไปลุยเรียนต่อด้านบริหาร ได้ยังไงคับ แนะนำทีคับ
ไปเรียนด้านบริหาร จบอะไรเขาก็รับนะครับ
ขอให้สอบข้อสอบผ่านเข้าก็ได้แล้วครับพอ
ยิ่งมีประสบการณ์ทำงานเขายิ่งชอบครับ
..
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับเจ้านาย crucifier ผมเป็นเด็กดีนะ..