ต่อไป Youtube จะกลายเป็นเว็บอันดับหนึ่งของโลก

ตอนนี้ Youtube กลายเป็นเว็บไซต์ที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลกแล้ว ด้วยการมีบริการง่าย ๆ เพียงสองบริการ นั่นก็คือ Video Sharing และ Video Blogging

บริการที่ใคร ๆ ก็น่าจะเลียนแบบได้ แต่ดันเลียนแบบไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะพยายามเลียนแบบแล้วก็ตาม ทำไมหวา?

การเป็นผู้ริเริ่มเป็นรายแรกไม่น่าจะหมายความว่าจะก้าวหน้ากว่าใคร ๆ ได้นี่นา เพราะก็เห็นแล้วว่าก่อนหน้าที่จะมี Google ก็มี Search Engine อื่น ๆ มาก่อนแล้วอย่าง Altavista เป็นต้น

จริง ๆ แล้วการที่ Youtube มีบริการ Video Sharing เพียงอย่างเดียว ก็ถือว่าสร้างความยิ่งใหญ่ได้ไม่น้อยแล้วนะ แต่การที่มีกลไกเพิ่มเติมอย่าง Video Blogging เนี่ยอ่ะดิ ยิ่งทำให้กระฉูดกันไปใหญ่!!!

ปีก่อนเว็บไซต์ Google ยังถือว่ามีคนเข้ามากกว่า Youtube อยู่เลยนะ แต่กลายเป็นว่าปีนี้เว็บไซต์ Google เองก็กลับมีคนเข้าน้อยกว่า Youtube แล้ว

นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่เริ่มเชื่อถือกับการค้นหาสารสนเทศที่มีลักษณะหลายมิติอย่าง “คลิบวีดีโอ” มากขึ้น!!!

ผมกำลังพยายามมองถึงอนาคตของ “คลิบวีดีโอ” ว่ามันจะสร้างปรากฎการณ์และอรรถประโยชน์อะไรได้มากกว่านี้บ้าง

เพราะถ้าต่อไป Youtube กลายเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งของโลก เราคงต้องมาทบทวนบทบาทกันว่าเราจะได้อะไรจากการที่ “คลิบวีดีโอ” กลายเป็นสารสนเทศหลักของอินเตอร์เน็ตในอนาคต

เราจะค้นข้อมูลที่เราต้องการจาก “เนื้อหา” ภายใน “คลิบวีดีโอ” ได้อย่างไร ถ้าหากว่า “คลิบวีดีโอ” ดังกล่าว ไม่มีการกำหนด TAG หรือ Keyword หรือ คำค้นเด่นจำเพาะใด ๆ

เป็นไปได้มั้ยว่าถึงตอนนั้นจะมีคนทำ Search Engine ที่เอาไว้ Search ข้อมูลภายใน “คลิบวีดีโอ” โดยการอาศัยทฤษฎี Pattern Recognition ระดับสูงเข้ามาช่วย

ไม่แน่ว่าในอนาคตผมอาจจะสามารถระบุโจทย์ในการค้นหาคลิบวีดีโอได้ประมาณว่า …

ผมต้องการคลิบวีดีโอซึ่งในนั้นมีภาพของ ขวัญอุษามณี ไวทยานนท์ กำลังร้องไห้อยู่ โดยมีน้ำตาไหลออกจากตาข้างซ้ายก่อนตาข้างขวา และต้องสะอื้นพร้อมทั้งพูดว่า “ชั้นรักคุณ” เท่านั้น

อือม ช่างเป็น Search Engine ที่เก่ง Pattern Recognition อะไรขนาดนี้วะเนี่ย มันเก่งจริง ๆ แฮะถ้าทำได้อ่ะ 😛

[tags]youtube, เว็บ, คลิบวีดีโอ, ข่าวสาร[/tags]

Related Posts

8 thoughts on “ต่อไป Youtube จะกลายเป็นเว็บอันดับหนึ่งของโลก

  1. นั่นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ Google ต้องเข้าซื้อ YouTube

    การใช้ Pattern Recognition กับ Search Engine นับว่าเป็นไอเดียที่สุดยอดครับ ผมจะติดตามดู ว่าใครจะพัฒนาสำเร็จเป็นรายแรก อาจจะเป็น Google อีกก็ได้ครับ
    (เอ๊ะ ทำไมผมเข้าข้างแต่ Google หละเนี่ย แหะๆ)

  2. คือถ้าทำได้อย่างนั้นจริง คงสร้างหุ่นยนต์ได้แล้วล่ะครับ เพราะว่าคนเรายังค้นหาตามเงื่อนไขแบบนั้นไม่ได้เลย

  3. เหมือนว่าตอนนี้ก็มีคนพยายามที่จะ tag content ที่แสดงในเนื้อหาหรือในภาพวิดีโอให้อยู่นะครับ ลองเข้าไปที่ viddler.com ครับ
    มันจะมีให้พิมพ์อะไรก็ได้ ณ วินาทีไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการ comment หรือว่าการพิมพ์ลักษณะเดียวกับ tag เข้าไป สำหรับ technology ตอนนี้มีเพียงสมองคนที่จะดูวีดีโอแล้ว ให้บรรยายออกมาเป็นคำุพูดหรือว่าคำพิมพ์ได้น่ะครับ คิดว่า เรื่อง pattern recognition แบบ สุดยอดแบบนั้นก็น่าจะทำกันอยํ่ เริ่มจากการค้นหาชื่อคนผ่านทางใบหน้าก่อน เพราะถ้าทำอันนี้ไ้ด้ก็จะเป็นการ search ค้นหาเปรียบเทียบภาพกับสิ่งที่มันควรจะเรียกว่า ได้ .. (แต่นั่นหมายความว่าเรื่องการ search ว่าของสิ่งนี้เรียกว่าอะไรไปเยอะแล้วเหมือนกันเพราะว่าภาพคนน่าจะยากกว่าสิ่งของนะครับ)

  4. คนเล่นเยอะ แต่ไม่ค่อยมีรายได้อ่ะป่าว Youtube ดูเหมือนจะหาเงินได้ยากกว่า Google

  5. รู้สึกว่า Youtube มีรายได้จากการขายโฆษณานะครับ
    สาเหตุหนึ่งที่คนนิยมดูวีดีโอบนเว็บ คงเพราะเป็นภาพ ดูแล้วพอเข้าใจได้ แม้ฟังไม่ออกก็ตาม

  6. ใช้ video เป็นสื่อ น่าจะถ่ายทอดได้เร็วกว่า เป็น text ทั้งในด้านการ input แล้ว output
    video,sound ก็มีให้บันทึกแล้ว น่าจะมีกลิ่นให้บันทึกบ้างนะ เอาให้ครบทุกประสาทสัมผัสทั้ง 5 เลยน่าจะดี หรือว่าต้องเสียบสายข้างหลังที่หัวเหมือน matrix *_*

  7. คนไอทีมี “ข้าง” ให้ “เข้า” ไม่กี่ข้างครับคุณ waipot 😛

    หุ่นยนต์ อือม หุ่นยนต์ต้องใช้แขนงวิชามากกว่า pattern recognition อีกครับคุณ Oak

    facial recognition ก็ถือเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจครับคุณ rackmanager เห็นเดี๋ยวนี้อัลกอริธึมของ facial recognition ถูกบรรจุเอาไว้ในกล้องดิจิตอลทั่ว ๆ ไปแล้วด้วย

    เห็น youtube ก็หารายได้จากการโฆษณาผ่าน google adsense ครับท่านสุมาอี้ ก็ถือไ้ด้ว่าได้ตังค์เหมือนกัน แต่ไม่รู้ได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง

    เห็นด้วยเลยคุณ arthuran ภาพหนึ่งภาพแทนคำล้านคำครับ อิ อิ

    ฮ่า ๆ ๆ คุณข่าจะเอาแบบเสียบหัวด้วยเหรอ สยิวเน้อะ ^-^

  8. แต่ว่า มันเป็นอะไรที่ เปลือง resouceมากเลยนะครับ

    คิดดูว่าเว็บปกติ 1 เว็บขนาดแค่ 40-50k ( ถ้าไม่รวมรูป )
    เนื้อหาขนาดนี้ อ่านกันเป็นวัน ๆ

    แต่วีดีโอ ไฟล์ตั้ง 5MB แต่ดูแค่ 5 นาทีจบแล้ว !!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *