อ่านที่ท่านสุมาอี้เขียนไว้เรื่อง บังคับใช้กฎหมายดี ชาติเจริญ แล้วรู้สึกสะท้อนใจยิ่งนัก เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่ว่า รัฐประชาชาติใด ๆ ก็ตาม หากก่อตั้งขึ้นมาแล้วไม่สามารถมีอธิปไตยในการ …
- ออกและใช้เงินตราประจำชาติเพื่อให้ประชาชนใช้สอย …และ…
- เรียกเก็บเงินตราประจำชาติที่ออกใช้ เพื่อนำกลับมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ในลักษณะของปฏิกิริยาลูกโซ่
…ก็แสดงว่ารัฐประชาชาตินั้น ๆ เตรียมถดถอยหรือไม่ก็ล้มละลายได้เลย!!!
แต่ก่อนจะโม้ในประเด็น ผมขออธิบายก่อนว่าทุกวันนี้ เรามีระบบในการเรียกเก็บส่วย ในแบบไหนกันบ้าง …
1. ลูกหนี้จ่ายให้เจ้าหนี้ และต้องจ่ายส่วยให้กับผู้เรียกเก็บด้วย
2. ลูกหนี้จ่ายให้เจ้าหนี้ แล้วเจ้าหนี้ต้องเป็นคนจ่ายส่วยให้กับผู้เรียกเก็บแทน
3. ทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ ต้องจ่ายส่วยให้กับผู้เรียกเก็บทั้งคู่
4. ผู้เรียกเก็บนั่งหัวโด่ คั่นกลางระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้เลย
จะเห็นว่าถ้าเลือกได้ ผู้เรียกเก็บส่วยจะชอบที่สุด หากสามารถทำได้ในแบบที่ 4 นั่นคือ นั่งขวางมันทุกช่องทางที่เงินเดินทางผ่าน!!!
แต่ประเด็นก็คือ ช่องทางที่ว่ามันมีหลายช่องทางซะเหลือเกิน ซึ่งถ้าผู้เรียกเก็บเป็นมนุษย์ ก็ไม่แน่ว่าจะเก็บได้ครบได้ทุกช่องทาง ดังนั้น หนทางที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้นั่นก็คือ ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการเรียกเก็บส่วยแทน!!!
และเพื่อให้การปฏิรูปเป็นไปอย่างถอนรากถอนโคน เงินตราจะต้องเปลี่ยนจากธนบัตรกระดาษหรือเหรียญโลหะ ไปเป็นเงินตัวเลขในรูปของบัตรเดบิต หรือจะอะไรซักอย่างหนึ่งที่มันคล้าย ๆ กัน เพื่อให้ระบบเงินตราสอดรับกับระบบการเรียกเก็บส่วยแบบอัตโนมัติได้!!!
เมื่อถึงตอนนั้น รัฐประชาชาติคงจะมั่งคั่งมากขึ้น แต่พวกเราคงจะร้องกันโอดโอยมากกว่านี้แหงม ๆ เลย T-T
[tags]จังกอบ, อากร, ส่วย, ฤชา, ภาษี[/tags]
แวะเข้ามาอ่าน แบบงง ๆ นิดหน่อย ช่วงนี้ไม่ค่อยได้พักผ่อน อิอิ ………..นอกประเด็นหน่อย สุขสันต์ปีใหม่ครับพี่ไท้ ปีหน้าจะตามอ่านต่อนะครับ ^^
สวัสดีปีใหม่ครับ 🙂
เอ๋า … งั้นก็ … สวัสดีปีใหม่ทุกท่านเช่นกันครับ