คนส่วนใหญ่เริ่มรู้แล้วว่าวิกฤตพลังงานกำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ เพราะมีสัญญาณหลาย ๆ อย่างปรากฎออกมา ไม่ว่าจะเป็นค่าวัตถุดิบสำหรับสร้างพลังงานที่มีราคาสูงขึ้น, การร่อยหรอของวัตถุดิบสำหรับสร้างพลังงาน และ ความต้องการใช้พลังงานของพลเมืองที่ถีบตัวสูงขึ้นทุก ๆ ปี
การสั่งให้ซอฟต์แวร์ทำงานเองก็ต้องใช้พลังงานเหมือนกัน เพราะซอฟต์แวร์มันทำงานอยู่บนคอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และอุปกรณ์เหล่านั้นก็ต้องใช้สัญญาณไฟฟ้าในการทำงาน
สัญญาณไฟฟ้ามันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ หากไม่มีแรงดันไฟฟ้าเพื่อพาให้กระแสไฟฟ้าไหลเวียนเข้าไปในอุปกรณ์ฯ ดังนั้น มันต้องมีอะไรซักอย่างหนึ่งเพื่อมาทำให้ไฟฟ้าเกิดการเคลื่อนที่ ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ พลังงาน
ผมเขียนภาพข้างบนขึ้น เพื่ออธิบายว่าเส้นทางของแหล่งกำเนิดพลังงาน โยงไปถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ใช้พลังงานนั้น มันมีเส้นทางเป็นยังไง??
เราจะเห็นว่า คอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ก, เน็ตบุ๊ก, เราเตอร์, สมาร์ทโฟน, พีดีเอ, กล้องถ่ายรูป หรือ กล้องถ่ายวีดีโอ ก็ล้วนเป็น “เครื่องใช้ไฟฟ้า” ทั้งนั้น จะต่างกันก็แค่ว่า เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต่อไฟฟ้าเข้ามาจากแหล่งกำิเนิดโดยตรง หรือต่อไฟฟ้าผ่านแบตเตอรี่ก็เท่านั้นเอง (แบตเตอรี่ก็ต้องชาร์จไฟฟ้าจากแหล่งกำเนิดโดยตรงอยู่ดี)
ตอนนี้ผมมองว่า กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมที่บริโภคพลังงานเริ่มขยายตัวมากขึ้น ในขณะที่อุตสาหกรรมสำหรับสร้างพลังงานไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหน แต่ติดปัญหาอยู่ที่กำลังการผลิตยังคงมีอยู่เท่าเดิม แถมนับวันยังจะถดถอยลงไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุเพราะวัตถุดิบในการสร้างพลังงานมันร่อยหรอลงไปทุกที ๆ
คอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ก, เน็ตบุ๊ก, เราเตอร์, สมาร์ทโฟน, พีดีเอ, กล้องถ่ายรูป หรือ กล้องถ่ายวีดีโอ ก็คงเป็นได้แค่ขยะชิ้นหนึ่งที่ไม่มีประโยชน์ หากไม่มีไฟฟ้าหล่อเลี้ยงมัน อือม คิดแล้วแย่จริง ๆ แฮะ!!!
ขออนุญาตนำบทความนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งของรายงาน
และขอขอบคุณมาก ๆ นะคะที่พี่ได้เขียนบทความดี ๆ แบบนี้
หนูขออนุญาตเขียนเวปไซต์พี่ในคำขอบคุณเพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณด้วยนะคะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ