เดี๋ยวนี้สายคอมพิวเตอร์มาจากหลายทางมาก สิ่งที่เรียนก็มีเนื้อหาซ้อนทับกัน สิ่งที่ค้นคว้าวิจัยก็มีหัวข้อซ้อนทับกัน มันเริ่มพัลวันมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับแผนภาพเวนออยเลอร์ ที่เปรียบสายคอมพิวเตอร์แต่ล่ะสายเป็นวงกลม แล้ววงกลมมันก็มาซ้อนทับกัน
ตอนนี้แต่ล่ะสายคอมพิวเตอร์ จึงพยายามค้นหาตัวตนของตัวเอง และกำหนดขอบเขตของตัวเอง ด้วยวิธีการลู่เข้าสู่ศูนย์กลาง คือทำการค้นคว้าวิจัยตามบทบาทอันเป็นศูนย์กลางของตัวเอง ไม่พยายามไปค้นคว้าวิจัยในบริเวณขอบ ๆ ที่ซ้อนทับกับสายคอมพิวเตอร์สายอื่น
มาลองยกตัวอย่างกันก็ได้ โดยใช้คติส่วนตัวของผมเองล้วน ๆ เช่น ถ้าเป็นการทำวิจัยทาง Neural Network แต่ล่ะสายคอมพิวเตอร์ ควรจะค้นคว้าวิจัยในบทบาทของตัวเองยังไงบ้าง
- ถ้าเป็นสายวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ก็ควรจะเป็นการวิจัยระบบปฏิบัติการใหม่ ๆ ที่มีกลไก Neural Network ฝังอยู่ภายใน หรือ การวิจัยดีไวซ์ไดรเวอร์บนระบบปฏิบัติการปัจจุบัน ให้มันมีกลไก Neural Network เป็นค่าปริยาย หรือ การวิจัยผังวงจรรวมที่มีกลไก Neural Network ฝังอยู่ภายใน เป็นต้น
- ถ้าเป็นสายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ก็ควรจะเป็นการวิจัยภาษาโปรแกรมใหม่ ๆ ที่เอื้อต่อการพัฒนา Neural Network หรือสร้างตัวแปลภาษาสำหรับภาษาโปรแกรมใหม่ ๆ ที่เอื้อต่อการประมวลผลด้วย Neural Network หรือ การสร้างแอปพลิเคชันเฟรมเวิร์กครอบภาษาโปรแกรมเดิม ๆ แต่มีส่วนขยายของ Neural Network เป็นต้น
- ถ้าเป็นสายเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ หรือ เทคโนโลยีสารสนเทศ ก็ควรจะเป็นการวิจัยประยุกต์ Neural Network ไปใช้ในงานด้านต่าง ๆ เช่น การรู้จำเสียงพูด หรือ การรู้จำลายมือเขียน หรือ การรู้จำตัวพิมพ์อักษร หรือ การรู้จำภาษามือ หรือ การทำนายข้อมูลที่ไม่ต่อเนื่อง เป็นต้น
- ถ้าเป็นสายวิทยาการคอมพิวเตอร์ ก็ควรจะเป็นการวิจัยโมเดล Neural Network ใหม่ ๆ หรือ วิจัยเพิ่มความเร็วในการคำนวณของโมเดลเดิม ๆ หรือ วิจัยเพิ่มคุณภาพของผลลัพธ์ในการคำนวณของโมเดลเดิม ๆ เป็นต้น
- ถ้าเป็นสายระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ก็ควรจะเป็นการวิจัยประยุกต์ Neural Network เพื่อใช้ในระบบการตัดสินในทางธุรกิจ หรือ ระบบการตัดสินใจเพื่อผู้บริหาร เป็นต้น
โดยส่วนตัวมองว่า การวิจัยพัฒนาโดยลู่เข้าสู่ศูนย์กลางของสายใครสายมันนั้น เป็นสิ่งที่พึงกระทำ ตราบใดที่ยังมีการแบ่งสายคอมพิวเตอร์กันอยู่ เพราะไม่งั้นเขาจะแบ่งสายกันไปทำไม ในเมื่อแต่ล่ะสายคอมพิวเตอร์ ก็มีจุดแข็งของตัวเอง จริงมั้ย?