ศาสตราวุธแห่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์

อ่านหนังสือการ์ตูนนี่ก็ให้ความบันเทิงดีนะ ผมชอบ บางครั้งหลังจากที่เราผ่านความเครียดมาอย่างมากมาย ได้อ่านแล้วเบาสมองดี 🙂 ถึงผมจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ก็ยังต้องแวะไปแย่งเด็กเล็ก ๆ เช่าการ์ตูนเหมือนกัน ก็มันสนุกนี่นา

ผมเคยอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่องนึงครับชื่อเรื่องว่า City Hunter เป็นเรื่องราวของมือปืนรับจ้าง ผู้ซึ่งเก่งมาก ๆ เก่งโคตร ๆ เลย ทั้งแข็งแรง, ว่องไว, ไหวพริบดี, มีสัญชาติญาณตอบโต้สูง, มีประสาทสัมผัสเป็นเยี่ยม และยิงปืนแม่นเว่อร์มาก ๆ คนหรือนี่

จุดที่ผมให้ความสนใจกับการ์ตูนเรื่องนี้มันมีอยู่ตอนนึงครับ เป็นตอนที่พระเอกถูกจับขังไว้ในห้องขัง โดนใส่กุญแจมือไว้ด้วย ปืนก็ถูกผู้ร้ายแย่งเอาไปแล้ว ไม่มีอาวุธอะไรเลย แล้วจะแหกคุกออกไปได้ยังไง? มือปืน ถ้าไม่มีปืน แล้วจะไปเอาชนะผู้ร้ายซึ่งมีอาวุธครบมือยังไงได้?

เขาหนีออกมาสู้กับผู้ร้ายได้ครับ เพราะที่หัวเข็มขัดซ่อนใบมีดเล็ก ๆ เอาไว้ เขาจึงใช้มันถอดสลักกุญแจข้อมือได้ แล้วเขาก็ใช้มีดเล็ก ๆ ทีว่า กรีดตะเข็บเสื้อตัวเอง เพื่อนำเอาห่อผ้าที่ห่อชิ้นส่วนปืน ออกมาประกอบเป็นปืน, ชายเสื้อของเขาก็ซ่อนลูกปืนเอาไว้ และที่ร้ายยิ่งกว่านั้น แขนเสื้อของเขาถูกทอด้วยเส้นใยที่ผสมสารเคมีซึ่งเป็นส่วนผสมของแก๊สน้ำตา หากโดนไฟก็จะระเหยออกมา, ลำตัวของเสื้อก็ถูกทอด้วยเส้นใยที่มีส่วนผสมของระเบิดพลาสติก ซึ่งถ้ายิงใส่ก็จะเป็นการจุดชนวนให้ระเบิด

เขาใช้เครื่องมือพวกนี้ เพื่อการเอาตัวรอด ตามอาชีพที่เขาเป็น!!!!

องค์ประกอบของผู้ประกอบอาชีพผมเองถึงแม้จะเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ก็ไม่เคยเตรียมพร้อมรับสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งจากการ์ตูนทำให้สะท้อนให้เห็นว่า จริง ๆ แล้วผู้ประกอบอาชีพทุกอาชีพจะมีลักษณะร่วมกันตามภาพประกอบด้านขวามือครับ นั่นคือผู้ประกอบอาชีพจะต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้คือ ทักษะ, ประสบการณ์ และเครื่องมือ

พระเอกในเรื่องรู้ว่าจุดอ่อนของตัวเองคือเครื่องมือ จึงรู้จักคิดค้นวิธีการแยกส่วนประกอบของเครื่องมือ, รู้จักคิดซ่อนเครื่องมือเพื่อไม่ให้ตรวจพบได้โดยง่าย และรู้จักประกอบเครื่องมือ เพื่อนำกลับมาใช้ได้ใหม่

มือปืนเขามีปืนเป็นเครื่องมือ ซึ่งทำให้องค์ประกอบแห่งอาชีพของเขาครบ แล้วนักพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างเราล่ะ มีอะไรเป็นเครื่องมือ???

ไม่น่าถาม!! นักพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ต้องมีคอมพิวเตอร์กับซอฟต์แวร์ประเภท compiler หรือ IDE เป็นเครื่องมือสิ ถามได้!!!

ผมเล่าประสบการณ์ให้อ่านดีกว่า อันนี้ขำ ๆ นะ คือเมื่อห้าปีก่อนตอนนั้นองค์กรหรือบริษัทส่วนใหญ่ ยังไม่ใจป้ำซื้อโน๊ตบุ๊กแจกพนักงานเหมือนอย่างทุกวันนี้หรอก ดังนั้นเราก็จะมีแต่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะใช้กันถูกแมะ? ทีนี้มีอยู่ครั้งนึงรถเมล์ขับซิ่งมาก แล้วเสียหลักชนเข้ากับเสาไฟฟ้าหน้าตึกที่ผมทำงาน เสาไฟฟ้าก็ง่อนแง่นแล้วก็หักโครมลงมา ส่งผลให้ไฟฟ้าหยุดจ่ายเข้ามายังตึกที่ผมทำงานทันที

ตอนนั้นเรามี UPS ครับ ก็ไอ้ตัวที่เรียกว่าเครื่องสำรองไฟฟ้านั่นแหล่ะ แต่มันก็สำรองไฟฟ้าให้เราได้แค่ 15 นาทีเอง ก็แค่พอให้เราได้บันทึกข้อมูล หรือปิดระบบอย่างเป็นขั้นตอนก็เท่านั้น …. แล้วเวลาก็ผ่านไปครับ ผมไม่รู้ว่าเขาทำกันอีกท่าไหนถึงจ่ายไฟเข้ามายังตึกอีกครั้งได้ แต่มันก็ใช้เวลาไปร่วม 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองตกงานครับ ทั้ง ๆ ที่ผมมีทักษะและมีประสบการณ์สำหรับการประกอบอาชีพพัฒนาซอฟต์แวร์ อีกทั้งมีคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นเครื่องมือวางอยู่ตรงหน้า แต่ผมกลับประกอบอาชีพของผมไม่ได้เลย เพียงเพราะคอมพิวเตอร์ของผมทำงานไม่ได้ เพราะไม่มีกระแสไฟฟ้าเข้าไปหล่อเลี้ยง เออ เวรจริง ๆ

จากประสบการณ์ขำ ๆ ของผมสะท้อนให้เห็นว่า สมดุลของการประกอบอาชีพจะสูญเสียไปทันที หากขาดทักษะ หรือ ประสบการณ์ หรือเครื่องมือไป โดยเฉพาะเครื่องมือเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุด เพราะเครื่องมือในการประกอบอาชีพบางชิ้น มันอยู่นอกร่างกายเรา

ปัจจุบันผมยังไม่ได้เตรียมเครื่องมือของตนเองให้พร้อมอยู่เสมอ เหมือนกับพระเอกในการ์ตูน City Hunter หรอกนะครับ เพราะอาชีพนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของผม มันไม่ได้คอขาดบาดตายอะไร

แต่ไม่แน่นะ ในอนาคตข้างหน้า เพื่อให้ผมพร้อมเสมอกับการเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในทุกสถานการณ์ ต่อไปผมอาจจะต้องพก USB Drive ที่บรรจุระบบปฏิบัติการ, บรรจุ compiler, บรรจุ IDE และบรรจุ Tools ต่าง ๆ, อาจจะต้องพก PDA, ต้องซื้อบริการ GPRS, ต้องพกแท่นชาร์จแบตเตอรี่ PDA หรือแม้กระทั่งต้องพกเครื่องปั่นไฟขนาดเล็กก็ได้ ใครจะรู้ 😛

[tags]ศาสตราวุธ,เครื่องมือ,ซอฟต์แวร์,นักพัฒนาซอฟต์แวร์,ปืน,มือปืน[/tags]

Related Posts

7 thoughts on “ศาสตราวุธแห่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์

  1. เพื่อให้ผมพร้อมเสมอกับการเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในทุกสถานการณ์

    อันนี้ผมขอบายครับ เพราะทุกวันนี้คนรอบตัวผมหลายคน เริ่มจัดผมเข้าไปอยู่ประเภท freak แล้ว ยิ่งพร้อมทุกสถานการณ์นี่ ไม่รู้จะกลายเป็นอะไร

    ยิ่งหลัง ๆ เริ่มรู้สึกว่าตัวผมเองติดคอมพิวเตอร์มาก ไม่ได้ใช้งานสองสามวัน จะเริ่มหงุดหงิด เลยต้องหาเวลา ลด ละ เลิก มากกว่าจะเตรียมมพร้อมครับ

  2. โฮะๆ แต่ก่อน ผมก็ชอบอ่านครับ เรื่องนี้
    สนุก ทะลึ่ง ทะเล้น ดีครับ เหอๆ
    อาจจะไม่ได้เม้นในส่วนที่เกี่ยวกับนักพัฒนาซอฟต์แวร์เท่าไหร่ ผมอยู่นอกโซนนั้นไปนิดนึง

  3. ผมว่าสายพัฒนาซอฟแวร์ของเราค่อนข้างโชคดีน่ะครับในเรื่องเครื่องมือ ผมหมายถึงฮาร์ดแวร์เพราะไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยจนน่ากลัว สามารถทนใช้เครื่องสเป๊กต่ำๆไปงานไปได้อีกนาน(ถ้าไม่เซ็งซ๋ะก่อน)

  4. เหอๆๆๆ…ว่าแล้วเชียวว่าเรื่องอะไร เป็นเรื่องที่ผมชอบมาก ๆ ครับเมื่อสมัยยังเด็กชอบที่พระเอกเจ้าชู้ดี เหอๆๆๆ

  5. ผมอ่านรุ่นไหนก็ไม่รู้อ่ะ แต่จำได้ว่านานแล้วคุณ BigNose

    ผมต้องเปิดพจนานุกรมใหญ่เลยคุณโบว์ว่า freak แปลว่าอะไร แล้วผมก็รู้คำตอบแล้ว…

    นอกโซนก็เม้นท์ได้คับคุณ PatSonic

    สเป๊คเครื่องมันเล่นเพิ่มขึ้นทุก ๆ สามเดือน ผมเองก็ไม่ตามเหมือนกันอ่ะคับคุณ memtest

    ผมเขียนเรื่องซอฟต์แวร์คุณเดย์ ไม่ได้เขียนหนังแนวดราม่าซะหน่อย ไม่ต้องซึ้งหรอก เหอ ๆ

    แหมะ ทำไมใคร ๆ ก็จำได้แต่พระเอกเจ้าชู้ล่ะเนี่ยคุณสิทธิศักดิ์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *