นับตั้งแต่ “หวงอี้” ซึ่งเป็นนักประพันธ์วรรณกรรมชื่อดังของจีน ได้แต่งนิยายกำลังภายในเรื่อง “เจาะเวลาหาจิ๋นซี” ขึ้นมา ก็ทำให้เกิดปรากฎการณ์เปลี่ยนแปลงในแวดวงนิยายกำลังภายในของจีนเป็นอันมาก เพราะตอนนี้นักแต่งนิยายอิสระในเมืองจีนต่างก็เลียนแบบหวงอี้กันเป็นการใหญ่ โดยบางคนก็แต่งนิยายว่าตัวเอกย้อนไปยุคราชวงศ์ถัง บางคนก็ย้อนไปยุคราชวงค์ซ่ง หรือบางคนก็ย้อนไปถึงยุคราชวงค์ซัง เป็นต้น
อาศัยว่าอารยธรรมจีนมีมายาวนานถึง 5,000 ปี ก็เลยลักไก่เจาะเวลากันเป็นว่าเล่นแบบนี้!!!
ทุก ๆ เรื่องมีลักษณะเด่นที่เหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือ ตัวเอกมักจะมาจากยุคสมัยที่มีความรู้ก้าวล้ำกว่ามาก จึงทำให้เมื่อย้อนกลับไปในอดีตแล้ว ตัวเอกก็เลยกลายเป็นคนพิเศษไปโดยปริยาย เนื่องจากสามารถที่จะคิดอะไรหรือผลิตอะไรที่คนในยุคดังกล่าวคิดหรือทำไม่ได้!
งั้นก็เป็นหลักฐานได้อย่างหนึ่งสินะว่า “ความรู้” ถือเป็นแหล่งกำเนิดอำนาจอย่างหนึ่ง!!!
สำหรับเมืองไทยแล้ว นิยายเจาะเวลาพวกนี้มักไม่ค่อยน่าสนุกซักเท่าไหร่ เนื่องจากอารยธรรมไทยมีไม่ยาวนานนัก และที่สำคัญตัวละครของนิยายไทยมักย้อนเวลากลับไปแบบตัวเปล่า ๆ ไม่พกอะไรที่มันเข้าท่าติดตัวไปเลย!
ลองสมมตินะ ว่าผมแต่งนิยายเจาะเวลาขึ้นมาซักเรื่องนึง โดยให้ตัวเอกเป็นโปรแกรมเมอร์มือฉกาจ ซึ่งหลุดย้อนเวลากลับไปอยู่ในสมัยอาณาจักรสุโขทัย รัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช …
พระเอกไม่ได้ไปตัวเปล่านะครับ เพราะตอนพลัดหลงย้อนเวลาไปนั้น ได้พกเอา MacBook ติดมือไปด้วยนะเอ้อ!!! (ชาร์จแบตฯไว้เต็มอีกต่างหาก :-P)
มิหนำซ้ำ ยังย้อนเวลาไปโผล่กลางท้องพระโรง ตอนที่พ่อขุนรามคำแหงกำลังประชุมขุนนางอยู่พอดี ทำเอาแตกตื่นคิดว่าเป็นเทพเทวดาจุติกันยกใหญ่ แต่สุดท้ายก็ได้จับพลัดจับผลูเป็นข้ารับใช้ของพ่อขุนรามคำแหงจนได้!!!
ทีนี้ถ้ามองว่าโปรแกรมเมอร์มือฉกาจ ซึ่งมี MacBook ติดตัวไปด้วยนั้นเป็นสินทรัพย์ของชาติ ก็ต้องถือว่าเป็นสินทรัพย์ของอาณาจักรสุโขทัยที่ล้ำค่ามาก เพราะสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมหาศาล … แต่มีอายุการใช้งานที่จำกัด
เนื่องจากมูลค่าของพระเอกในเรื่องนั้น เกิดจากการฟิวชั่นระหว่างทักษะการเขียนโปรแกรมของตน บวกเข้ากับสมรรถนะอันล้ำยุคของ MacBook ทำให้เกิดมูลค่าอันมหาศาล ดังนั้นหากสิ่งหนึ่งสิ่งใดสิ้นอายุขัยไป ย่อมทำให้มูลค่าของพระเอกตกฮวบฮาบลงในทันที!
ผมไม่ได้ใจร้ายจะให้พระเอกบาดเจ็บ, พิการ หรือตายหรอกนะ เพราะยังไงซะพระเอกก็ต้องเป็นตัวเดินเรื่องอยู่วันยังค่ำ … แต่ … ผมจะทำยังไงกับ MacBook ดีล่ะ ในเมื่อมันมีอายุขัยที่จำกัด และการต่ออายุขัยของมันจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีระบบอุตสาหกรรมที่เกื้อหนุนมารองรับเท่านั้น …
- พระเอกบาดเจ็บ ให้หมอสุโขทัยรักษาได้, MacBook เสีย ให้ช่างสุโขทัยเปลี่ยนอะไหล่ไม่ได้
- พระเอกหิว ให้ไพร่สุโขทัยหาอาหารให้กินได้, MacBook แบตหมด ให้ไพร่สุโขทัยชาร์จแบตให้ไม่ได้
ดังนั้นโดยสรุปแล้ว เมื่ออ้างอิงจากนิยายมั่ว ๆ ที่ผมแต่งขึ้น ก็จะแสดงให้เห็นว่า สิ่งประดิษฐ์ล้ำยุคใด ๆ ก็ตาม หากมันไม่มีระบบอุตสาหกรรมที่เกื้อหนุนมารองรับแล้วไซร้ มันก็จะกลายเป็นสากกะเบือดี ๆ นี่เอง
และหากนับว่ามนุษย์เรานั้นเป็นเครื่องจักรชีวภาพ ก็ต้องถือว่ามนุษย์เป็นเครื่องจักรที่ทรงพลานุภาพมาก เพราะไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดสมัยใด มนุษย์ก็ยังสามารถเปล่งขีดความสามารถได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีระบบอุตสาหกรรมใด ๆ มารองรับก็ตาม!!!
[tags]เจาะเวลา,นิยาย,สุโขทัย,เครื่องจักร,ชีวภาพ,ระบบ,อุตสาหกรรม,แต่งนิยาย[/tags]
ถ้าเป็น geek ตัวจริง
ต้องมีกระเป๋าโน๊ตบุ๊คติด solar cells ครับ ^^
แล้วมัน…”เจาะเวลาหาของฟรี” ยังไงเหรอครับ…งงอ่ะ..อิอิอิ
สุดยอด . . Creative จริงๆ . .
ก่อนแบตหมดและไม่มีพลังงานสำรอง
ต้องยึดครองเมืองให้ได้ก่อนครับ
ด้วยการเปิดหนังแอคชันสู่ ประเภทเลือดสาดแบบ Kill bill
จะได้ผลหรือเปล่าเอ่ย จะโดนเสกหนังควายเข้าท้องก่อนหรือเปล่า?
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงคิดว่า
“Put the right technology on the right time at the right place”
อยู่ตลอดเวลาครับ
นั้นสิครับของฟรียังไง?
เอ่อ…
ใช่ครับ ฟรียังไง?
แต่ถึงจะไม่ฟรี ก็ช่วยสร้างจินตนาการ
และแนวคิดแปลกๆ ใหม่ๆ ให้ผมได้อยู่ดีนะครับ พี่ไท้
งง เหมือนกัน มันฟรียังไงคับ
เรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า
อ่านคิดแต่ตั้งหน้าตั้งตาเป็นโปรแกรมเมอร์อย่างเดียว ควรเรียนรู้หลายๆอย่าง ทั้งพิชัยสงคราม จิตวิทยา เคมีฟิสิกส์ ธรณีวิทยา และควเซฟไฟล์ ข้อมูลเอาไว้ในเครื่องเยอะๆ และที่สำคัญ เรียนรู้การผลิด กระแสไฟฟ้า แบบต่างๆเช่น ไฟฟ้า จาก มะนาว หรือ จาก สังกะสีกรด และ หาเวลาฝึกหัดทำให้ชำนาญ ให้เป็นงานอดิเรก
อนึ่ง ความรู้ สมัยก่อน สามารถ นำมาใช้ได้ในสมัยปัจจุบัน เพราะ คนไม่ใช่ว่าคนปัจจุบันทุกคน จะรู้เรื่องราววิธีการสมัยก่อน
ขำตรง MacBook แปลงร่างเป็นสากกะเบือ 5 5 5
ทุกท่าน – เออ นั่นสิ มันฟรียังไงหว่า? ฮา มั่วนี่หว่าเรา 😛
อ่านแล้วสนุกดี 🙂