วันนี้คุยหัวข้อจิตวิทยาเล็ก ๆ หน่อยแล้วกันนะครับ คุยแต่เรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์บางทีมันก็ไม่สนุก 😛
อย่างที่เรารู้กันครับว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์ถือได้ว่าเป็นบุคลากรที่สำคัญประเภทหนึ่งในองค์กรหรือบริษัททั่วไป เพราะพวกเขาจะเป็นได้ทั้งคนใน Cost Center และ Profit Center มีความหมายว่าเป็นได้ทั้งผู้ให้บริการแก่ User ในฐานะที่ตนเองนั้นเป็นผู้สร้างต้นทุนให้กับหน่วยงานต่าง ๆ และเป็นผู้ให้บริการแก่ลูกค้า ซึ่งเมื่อให้บริการแก่ลูกค้าแล้วก็จะได้สิ่งตอบแทนกลับมานั่นก็คือรายได้ แล้วไปทำให้เกิดผลกำไรต่อบริษัทต่อไป
โดยธรรมชาติแล้ววิชาความรู้ทางคอมพิวเตอร์ ถือเป็นความรู้ประเภทไฮเทค เป็นความรู้แบบยาก ๆ ที่จะต้องประกอบด้วยความรู้หลาย ๆ อย่าง ดังนั้นคนที่จะเรียนจบออกมาได้จึงเป็นคนส่วนน้อยของสังคม จะเห็นว่าปี ๆ นึงบัณฑิตที่จบออกมาทางคอมพิวเตอร์นั้น ถ้าเปรียบเทียบกับสัดส่วนของบัณฑิตทั้งหมดแล้ว ถือว่าเป็นส่วนน้อย
สิ่งที่เรารับทราบและสัมผัสกันได้เสมอก็คือ การที่บุคลากรในหน่วยงานอื่น ๆ และคนทั่ว ๆ ไป มองว่าคนที่จบคอมพิวเตอร์เป็นคนเก่ง, เป็นคนมีความสามารถ, เป็นคนฉลาด เพราะสามารถจะเรียนวิชาแบบยาก ๆ ได้
ซึ่งหากเราสัมผัสกับสิ่งรอบข้างซึ่งเยินยอเรา แล้วเราไม่สามารถควบคุมปัญญาเชิงอารมณ์ของตนเองได้ ก็จะทำให้เกิดปัญหาเล็ก ๆ ขึ้นมาอย่างหนึ่ง นั่นก็คือทำให้เราเกิดสิ่งที่เรียกว่า EGO ซึ่งมากกว่าคนปรกติทั่วไป นั่นคือความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นปัจเจกบุคคลของตัวเอง หรือถ้าให้เรียกเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ “กรูเก่งคนเดียวเฟ้ย กรูไม่ฟังใครเฟ้ย กรูไม่เชื่อใครหรอก อย่ามาเปลี่ยนความคิดกรูให้ยากเลย มรึงมาอะไรกับกรูเนี่ย เก่งกว่ากรูแค่ไหนกันเชียวฟระ และที่สำคัญจงเชื่อฟังและทำตามที่กรูบอกด้วย…”
ซึ่งแบบนี้ตอนแรกก็จะเกิดปัญหาเล็ก ๆ ครับ จากนั้นก็จะเริ่มบานปลายใหญ่โต ด้วยเหตุผลเพราะว่าเราไม่ได้อาศัยอยู่ในโลกนี้เพียงคนเดียว เราต้องร่วมงานกับผู้อื่น ซึ่งการที่เรามี EGO สูงกว่าชาวบ้านเค้า ทำให้เราเกิดการสร้างศัตรูไปโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะเรามั่นใจตัวเองมากเกินไป
การมีศัตรูเกิดจากคน ๆ นั้นเกิดความรู้สึกเป็นอคติกับเราครับ อคตินั้นเกิดได้ 3 อย่าง นั่นคือเกิดเพราะเขาหลงกลเรา, เกิดเพราะเขาโลภอยากได้อะไรจากเราแล้วไม่ได้ และเกิดเพราะเราไปทำให้เขากลัวเรา
ผมรู้นะ ลึก ๆ แล้วนักพัฒนาซอฟต์แวร์ส่วนใหญน่ะมี EGO มากกว่าคนทั่วไป อีกทั้งก็มีความมั่นใจในความรู้ความสามารถของตนเองด้วย จึงทำให้บางคนนะ บางคน เกิดความก้าวร้าวเล็ก ๆ ในจิตใจ ความก้าวร้าวสามารถแสดงออกได้หลายแบบด้วยนะ ทั้งจากทางแววตา, สีหน้า, กายสัมผัส, คำพูด รวมถึงการเขียน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนในกระทู้, เอ็มเอ็สเอ็น หรือว่าในบล็อก
แย่หน่อยตรงที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์บางคนนะบางคน มีอุปนิสัยชอบคุยข่มชาวบ้านน่ะสิ แย่จัง การคุยข่มคนอื่นมันมีความหมายลึกซึ้งนะ มันแสดงว่าเรากำลังไปทำลายความยึดมั่น ถือมั่น และเชื่อมั่นของเขา ซึ่งถ้าเราไปทำแบบนั้น เขาก็ต้องเป็นศัตรูเรา เพราะเขากลัวเราจะไปทำลายความเชื่อมั่นของเขาไป เขากลัวว่าเราจะไปทำลายความมีอยู่ของจิตวิญญาณของเขา
อย่างที่เคยบอกไว้ว่าแหล่งกำเนิดอำนาจเกิดจากแหล่ง 8 แหล่ง อันได้แก่ เงินตรา, กลไกรัฐ, ธุรกิจผูกขาด, ภาพลักษณ์, ความรู้, สื่อ, เครือข่าย และกำลัง
ดังนั้นการที่เราสร้างศัตรูขึ้นมาหนึ่งคน โดยที่เราอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว อีกทั้งการสร้างศัตรูของเรา เกิดจากไอ้เจ้า EGO ที่มีอยู่ในตัวเราแท้ ๆ เลย มันคงจะไม่ีดีแน่อ่ะครับ เพราะการที่เราไม่มีศัตรู แถมมีมิตรเพิ่มขึ้นมา มันจะทำให้เรามีเครือข่ายเพิ่มขึ้น ทำให้เรามีอำนาจมากขึ้น
ขนาดบริษัทเอกชนเขายังพยายามที่จะจำกัดอัตราส่วน “หนี้สิน ต่อ ส่วนของผู้ถือหุ้น” โดยถ้าค่ามันน้อย ๆ นะยิ่งดี ดังนั้นนักพัฒนาซอฟต์แวร์เองก็ควรจะพยายามจำกัดอัตราส่วน “ศัตรู ต่อ คนที่ต้องร่วมงานหรือใช้ชีวิตด้้วย” ให้มันมีค่าน้อย ๆ จะดีกว่ามั้งครับ 🙂
ในบางสถานการณ์ “เครือข่าย” ก็มีอำนาจที่ทรงพลังมากกว่า “ภาพลักษณ์” และ “ความรู้” อีกนะจะบอกให้ 😛
[tags]ศัตรู,มิตร,อำนาจ,เครือข่าย,ภาพลักษณ์,ความรู้,อีโก้,EGO[/tags]
ให้ข้อคิดดีจังเลยครับ ชอบจัง
พยายามกำจัดอีโก้ของตนเองอยู่เหมือนกันครับ T-T แต่มันยากนะ เพราะบางทีมันหมายถึง “ความเชื่อ” ของเราด้วย
สู้ ๆ ครับคุณแชมป์ 🙂
ขอออกความคิดเห็นครับ
ความเชื่อมั่น คือ การยึดถือบางอย่าง แล้วปักใจว่าจริง หรือไม่จรืิง
ส่วน การแสดงออกทางก้าวร้าว มักจะตามมาตามวิสัยของมนุษย์ทุกคน
เพื่อ เอาชนะ เพื่อข่มขี่ บุคคลที่เห็นตรงกันข้าม เพื่อกดให้จม
ซึ่งการเอาชนะมีได้หลายวิธี ทั้งอาศัย การทำเลห์ การลวง การปด…
เป็นธรรมดาของทุกๆ คน
เพราะบางครั้งเราก็มีความหลงตัวเองว่าเก่ง
การเอาชนะด้วยคำพูดที่สุภาพ ด้วยจิตที่กรุณา ถ้า่ไม่ใช่คนใจกว้างจริงๆ
ก็ทำยากมากกกกกก….
แต่การเอาชนะใจตัวเองนั้นยากหนอ
ผมก็กำลังพยายามอยู่ ทำยาก…
ทำอย่างไรได้อย่างนั้น
สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม