มนุษย์เราทุกคนล้วนมีเวลาเท่ากันครับคือ 24 ชั่วโมงต่อวัน แล้วก็ 7 วันต่อ 1 สัปดาห์ ถ้าใครมีมากกว่านี้ผมเดาได้เลยว่าคน ๆ นั้นไม่ได้ยืนอยู่บนโลกแน่นอน ถ้าไม่อยู่ดาวพฤหัสบดีก็คงจะอยู่ในห้องมิติที่หงอเทียนกับทรังคูซฝึกฟิวชันเพื่อไว้สู้กับบูกระมัง
วันนี้ผมว่าจะโม้เรื่องส่วนแบ่งตลาดหน่อย พวกเราคงพอจะเข้าใจส่วนแบ่งตลาดกันแล้ว ถ้าเป็นในแง่ของการครองตลาดของผลิตภัณฑ์ มันก็ให้ความหมายง่าย ๆ ว่า ผู้บริโภคยินดีจะจ่ายเงินในกระเป๋าตังค์ของตัวเอง เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่งไปอุปโภคหรือบริโภค ซึ่งมันก็จะทำให้เงินในกระเป๋าตังค์เราหายไป แล้วก็ไปอยู่กับผู้ผลิตภัณฑ์เพียงเจ้าใดเจ้าหนึ่ง ส่วนเจ้าที่เหลือก็เตรียมเจ๊งได้เลย เพราะมีแต่ค่าใช้จ่ายแต่ไม่มีรายได้มาหล่อเลี้ยง
ทีนี้ย้อนกลับมาเรื่องของ SaaS กัน โดยเปลี่ยนจากเงินในกระเป๋าตังค์มาเป็นเวลา แล้วเราก็จะพบว่าเราย่อมยินดีที่จะจ่ายเวลาของเราไปกับ SaaS ที่มันถูกใจ ใช่เลย แล้วก็เข้าท่าสำหรับเรา ในขณะที่ SaaS อื่นก็จะหงอยเหงา เศร้าสร้อย เพราะไม่มีใครสนใจใยดี
โดยหลักการแล้ว SaaS นั้นคือการส่งบริการซอฟต์แวร์ให้กับผู้บริโภค โดยผ่านกลไกของเว็บบราวเซอร์ ดังนั้นการที่ผู้บริโภคจะรับบริการ SaaS ได้ ก็ย่อมหมายความว่าต้องเข้าเว็บหรือเข้าอินเตอร์เน็ตนั่นเอง ถึงจะเข้าถึงบริการได้
ผมเคยได้ยินประโยคนึงจากน้องสาว ผมฟังแล้วก็ได้คิดเหมือนกัน เพราะน้องผมบอกว่า ไม่รู้จะเข้าเว็บไหนดี อือม ฟังแล้วน่าคิดแฮะ เพราะอินเตอร์เน็ตมันมีเว็บเป็นพันล้านเว็บ แต่ใครหลายคนกลับรู้สึกสอดคล้องกันตรงที่ เมื่อได้มีโอกาสเข้าอินเตอร์เน็ตแล้ว ได้เข้าเว็บที่ตัวเองต้องการเรียบร้อยแล้ว กลับรู้สึกว่าไม่รู้จะไปไหนต่อดี บางคนอาจรู้สึกถึงขนาดว่าไม่รู้จะใช้อินเตอร์เน็ตต่อไปทำไม ณ เวลานั้น
โจทย์ก็คือทุกวันนี้เราเข้าอินเตอร์เน็ตกันทำไม อือม เราคงต้องการเพียงแค่ 3 สิ่ง นั่นก็คือ ความบันเทิง, ความรู้ และบริการ ซึ่งถ้าเรียงตามหลักความจริงแบบนี้ย่อมแสดงว่า บริการมันอยู่ข้อสุดท้ายเลยแฮะ
ดูเหมือนส่วนแบ่งตลาดของเว็บไซต์สำหรับนักท่องเว็บ คงถูกเว็บไซต์ดัง ๆ จับจองไปหมดแล้ว แต่ส่วนแบ่งตลาดของเว็บไซต์ SaaS ที่ผู้ใช้เข้ามาใช้บริการแค่ครั้งล่ะไม่เกิน 5 นาทีต่อวันแล้วก็จากไป ยังไม่ได้ถูกจับจองส่วนแบ่งตลาดโดยใครกระมัง … ก็คิดกันต่อไปครับ
[tags]ส่วนแบ่งตลาด,คอมพิวเตอร์,ซอฟต์แวร์,เว็บ,SaaS,Software as a Service[/tags]
จุดนี้ผมคิดว่า SaaS จะมีส่วนแบ่งการตลาดมากก็ต่อเมื่อ Infrastructure พร้อม
อย่างในเกาหลีหรือในอเมริกาที่ DSL เค้าวิ่งกันเร็วกว่า 8MBps+ มันก็เลยมีบริการบนอินเทอร์เน็ตหลายๆ อย่างที่น่าสนใจมาให้เห็นกันอยู่เนืองๆ
Second Life เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อว่า คนเราจะเข้าไปใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์ มีการซื้อขายกันเกิดขึ้นอย่างจริงจังได้
เมื่อใดที่โครงสร้างพื้นฐานของเราดี มีทางเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น SaaS เป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้วครับ
ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มอีก10%หมายความว่าอะไรหรอค่ะ
ช่วยตอบหนูตอนนี้ได้มั้ยค่ะ
จะส่งงานละค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ